เศรษฐกิจฮาลาลบูม ซีพีเอฟ บุกตลาด AEC
+++ อุตสาหกรรมฮาลาลเงินสะพัด 7แสนล้านดอลลาร์ยูเอส
นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับนี้เราขอนำท่านรู้จักตลาดอุตสาหกรรมฮาลาล และตลาดฮาลาลโลกผ่านมุมมอง “ วิทวัส ตันติเวสส ” รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ด้านการบริหารธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหาร (Branded Products) บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน)หรือ ซีพีเอฟ
มุมมองต่อธุรกิจอาหารฮาลาล
ตามหลักศาสนาอิสลาม มีขั้นตอนและกระบวนการผลิต เนื้อสัตว์บางประเภทห้ามบริโภคแต่ว่าสัตว์บางประเภท เรามีความชำนาญและเชี่ยวชาญ เช่น ไก่ ตามหลักของศาสนาอิสลาม ก็มีการเชือดโดยผู้เชือดต้องเป็นมุสลิม ก่อนนำไปปรุงอาหาร
ถ้าเราเข้าใจในบทบัญญัติของหลักศาสนาอิสลามก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคทุกคน ในเรื่องของอาหารฮาลาล ไม่เฉพาะสำหรับผู้บริโภคที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่สำหรับผู้บริหารทั่วไปทุกคน เพราะฉะนั้นทางบริษัทของเราก็มีการผลิตสัตว์ปีกทุกตัว ตามขบวนการศาสนาอิสลาม และเป็นที่ยอมรับจากฮาลาลโลก
มุมมองผลิตภัณฑ์ฮาลาลต่อตลาดที่เป็นประชากรมุสลิม
ตัวเลขของต่างประเทศ ประชากรมุสลิม 25%ของโลก คือ ประมาณ 2 พันล้านคน ประชากรมุสลิมถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ของโลก ในเมืองไทยตัวเลขกระทรวงมหาดไทยประมาณ 10 ล้านคน โดยมูลค่าของตลาดอาหารฮาลาลของโลก ในปี 2552 พบว่ามูลค่าเกือบ 7 แสนล้านเหรียญดอลลาร์ยูเอส ถือว่าเป็นตัวเลขที่ใหญ่มาก
มองภาพรวมของอุตสาหกรรมอาหารประเทศไทยอย่างไร
หากดูการขับเคลื่อนของประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย หรือจีน รัฐบาลให้การสนับสนุน ทั้งนี้มองว่าน่าจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย ที่จะเข้าสู่ตลาดอุตสาหกรรมฮาลาลโลก จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐบาลอย่างจริงจัง
“ เท่าที่ทราบรัฐบาลมีความตั้งใจยกระดับคุณภาพของการผลิตอาหารฮาลาล ตั้งเป้าให้เป็นศูนย์วิทยาศาสตร์ และศูนย์ฮาลาล หากต้องการให้สินค้าของเราได้รับการยอมรับภาครัฐได้เข้ามาช่วยให้ข้อมูลโดยเฉพาะกับผู้ประกอบการรายย่อยให้มากขึ้น”
วางตำแหน่งของ CPF ในเป็นผู้ผลิตอาหารฮาลาลอย่างไร
ในแง่การทำธุรกิจ เราตั้งใจทำตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ คือเรามีFeed(อาหารสัตว์)Fram(การเลี้ยงสัตว์ และ Food (การแปรรูปอาหาร) ทั้งนี้การดำเนินธุรกิจที่ครบวงจร ซึ่งตรงนี้มีข้อดี คือจะรักษาคุณภาพ สามารถตรวจสอบย้อนได้ คือวางการในแง่ของกลยุทธ
สำหรับตลาด คู่แข่งของ CPFถ้ามองตลาดภูมิภาคเอเชียด้วยกัน คิดว่ายังไม่มีผู้เล่นในภูมิภาคนี้ ซึ่งปัจจุบันเราเริ่มไปลงทุนในอาเซียนหลายประเทศ เนื่องจากCP มีความแข็งแกร่งในเรื่องแบรนด์ล่าสุดเราขยายการลงทุนไปที่ มาเลเซีย*ซึ่งเป็นฐานหลักของการผลิตอาหารฮาลาลของซีพีเอฟนอกจากนั้น ในตลาดของประเทศ จีน และ อินเดีย เราก็ให้ความสนใจ เนื่องจากมีฐานของผู้บริโภคอาหารฮาลาลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างในจีนมีผู้บริโภคอาหารฮาลาลกว่า 134 ล้านคน และ อินเดียมีผู้บริโภคกว่า 240 ล้านคน
“การเปิด AEC คิดว่ามีทั้งดีและเสีย ข้อดี คือทำให้อุตสาหกรรมสามารถส่งสินค้าเกษตรได้มากขึ้นเพราะภาษีลดลง เนื่องจากอาเชียนเป็นตลาดใหญ่ ประชากร กว่า 600 ล้านคน อีกแง่ของการผลิตคือการนำวัตถุดิบในราคาถูก ก็จะเป็นการลดต้นทุนการผลิต ทำให้เราเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบได้
ส่วนข้อเสียที่เราจะต้องระวัง คือ มันอาจจะทำให้เกิดมีการนำเข้าสินค้าราคาถูกจากประเทศอื่นเข้ามา แต่สำหรับเรื่องอาหารเราไม่กังวลเพราะเชื่อว่า รสชาติอาหาร และวัฒนธรรมทางการรับประทานที่แตกต่างกัน จึงเชื่อว่าไม่มีผลกระทบ
สำหรับผู้ประกอบการในประเทศไทย ในแง่ของอุตสาหกรรมอาหาร สิ่งที่เราจะต้องทำการปรับปรุงเพื่อแข่งขันกับตลาดโลกได้ จะต้องนำเข้าเครื่องจักรเครื่องมือที่ทันสมัยเข้ามา สำหรับในส่วนการผลิต จะต้องสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินค้า โดยการแปรรูปสินค้าเพิ่มขึ้น
CPF วางแผนนำสินค้าฮาลาลออกไปสู่ตลาดโลกอย่างไร
เราเน้นการลงทุนอยู่ในหลายประเทศ ในเรื่องของตลาดใหม่ๆ เราได้เริ่มมีการส่งสินค้าที่เป็นตัวไก่ทั้งตัวแช่แข็ง ส่งไปในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ส่วนสินค้าแช่แข็งที่เป็นสินค้าแปรรูปเราส่งมาผ่านทางมาเลเซีย
“ โปรดักส์ของเราที่ส่งผ่านมาเลเซีย คือแบรนด์ 5ดาว ในอนาคตต่อไป เราจะปรับเปลี่ยนให้เป็นแบรนด์ CPคาดว่าภายในปีนี้ “
มองโอกาสและตลาดฮาลาล
ตลาดฮาลาล เราอาจจะมองแค่อินโดนีเซีย มาเลเซีย และมีตลาดอยู่หลายตลาด ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย จีน และตลาดเกิดใหม่ในเอเชียกลางที่เคยเป็นอาณานิคมของรัสเซีย นอกจากนี้ตลาดในกลุ่มประเทศทางด้านที่ติดกับยุโรป ตุรกี อียิปต์ ถือว่าเป็นตลาดใหญ่
ในแง่ของตุรกี รายได้ประชากรสูงและมีประชากรอยู่มาก กำลังซื้อสูง ตลาดอียิปต์ มูลค่าการตลาด15,500เหรียญดอลล่าสหรัฐส่วนอิหร่านมูลค่า13,000 เหรียญ/ปี
“ แทนที่เราจะมองดูตลาดอย่างตลาดฮาลาลเดิมๆ เช่นมาเลเซีย อินโดนีเซีย คือโอกาสที่น่าสนใจ ปัจจุบันทางเราก็ยังมีการขายสินค้าไปยังประเทศนี้ยังมีอีกมาก”
คิดว่าเราจะต้องเตรียมตัวอย่างไรเพื่อแข่งขันการค้าในตลาดอาเซียน/ตลาดโลก
ในส่วนของอาหารในฐานะCPF ทำธุรกิจด้านอาหาร เราต้องสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และเราทำอย่างสม่ำเสมอ ในเรื่องของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ แบรนด์สินค้าของเรามีความสะอาดปลอดภัย รสชาดอร่อย สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
“ เพราะฉะนั้นการสร้างแบรนด์เป็นภารกิจหลักที่เราจะต้องทำ จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคเขาเลือกสินค้าด้วยความเชื่อมั่น ว่าสะอาด ปลอดภัยและมีรสชาติที่ดี”
++++++++++++++++
รัฐบาลต้องให้การสนับสนุนงบสร้างความน่าเชื่อถือแบรนด์ฮาลาลไทย
นายธนา จุฑามาศ ผู้จัดการสำนักเอกสารสำคัญและใบอนุญาต บริษัทเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในเรื่องของการรับรองเครื่องหมายฮาลาล จริงๆแล้ว สิ่งที่เป็นเรื่องของทางรัฐบาลสนับสนุน ในเรื่องของศูนย์วิทยาศาสตร์ การทดลอง ซึ่งที่ผ่านมาเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่รัฐบาลให้ความสำคัญในการพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมของอาหารฮาลาลเพื่อการส่งออกของไทย มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาส่งเสริมศักยภาพสินค้าฮาลาล โดยมี รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานในการขับเคลื่อนดังกล่าว
“ การพัฒนาอาหารฮาลาล หน่วยงานขององค์กรที่ให้การรับรอง จะต้องพัฒนาศักยภาพ และสิ่งสำคัญ ที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาสนับสนุนเรื่องงบประมาณ ในการอบรมให้กับผู้ประกอบการมีความเข้าใจถึงการผลิต ผลิตภัณฑ์ของสินค้าสอดคล้องกับหลักการของศาสนาอิสลาม”
นายธนา กล่าวอีกว่า ไม่เพียงเท่านั้นอยากให้รัฐสนับสนุนองค์รับรองฮาลาล ถ้าอยากเห็นหน่วยงานหรือองค์กรเป็นที่ยอมรับ ได้รับความเชื่อถือและเชื่อมั่นรัฐอาจจะทำให้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนงบประมาณให้เพียงพอและต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นขององค์กรรับรองเครื่องหมายฮาลาล ได้รับการยอมรับจากผู้ประกอบการและผู้บริโภคทั่วไป
" เพื่อให้มีการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมฮาลาล อย่างมั่นคงและแข็งแรง จะต้องให้ทางรัฐบาลเป็นตัวขับเคลื่อน ให้ความรู้ในเรื่องโอกาสของกฎระเบียบ การส่งออกอาหาร แน่นอนเรามีรายใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน รายย่อยเราก็มีอยู่มาก " ธนา กล่าวและว่า
นอกจากนี้จะต้องคิดว่าทำอย่างไรจะให้เครื่องหมายฮาลาลของไทย เป็นที่ยอมรับของตลาดโลก เหมือนกับเรื่องหมายฮาลาลของมาเลเซีย
หมายเหตุ ; ตีพิมพ์ครั้งแรก นิตยสาร ดิ อะลามี่ ฉบับเดือนมิถุนายน 2556