“สุกุมล คุณปลื้ม” จากหลังบ้านสู่ผู้หญิงแถวหน้า

  โดย: เอกราช มูเก็ม

                สำนักข่าวอะลามี่ : ถ้าจะเอ่ยถึงชลบุรี ไม่มีใครไม่รู้จักตระกูล ”คุณปลื้ม” วันนี้เราขอนำท่านผู้อ่าน มารู้จักอีกหนึ่งในตระกูลนี้ เธอคือ ”สุกุมล คุณปลื้ม” ส.ส.พรรคพลังชล จังหวัดชลบุรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม หมาดๆ หลังจากแตะมือกับสามี “ สนธยา คุณปลื้ม” ที่เพิ่งพ้นโทษเว้นวรรค 5 ปี ทางการเมืองเมื่อเร็วๆนี้นั่งเจ้ากระทรวงต่อ

            “สุกุมล คุณปลื้ม” หรือ คุณเดีย เล่าย้อนอดีตให้กองบรรณาธิการ ”นิตยสาร ดิ อะลามี่” ถึงเส้นทางชีวิตว่า เธอเติบโตมาจากครอบครัวใหญ่ ทั้งฝั่งคุณพ่อและฝั่งคุณแม่ มีพี่น้องหลายคน เธอจะมีความสนิทสนมกับทุกคนเป็นอย่างดี เนื่องจากทางบ้านจะมีกิจกรรมร่วมกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะเธอเองจะติดคุณปู่และคุณย่า เพราะท่านจะเป็นคนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กๆ

               ครอบครัวของเธอเติบโตจากการทำธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ก่อนจะขยายกิจการมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และอีกหลายธุรกิจต่อมา

               คุณเดีย บอกว่า ชีวิตในวัยเด็กตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ชีวิตอยู่โรงเรียนประจำมาโดยตลอด แม้กระทั่งในช่วงในชั้นมัธยมปลาย เข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพฯก็เป็นโรงเรียนประจำอีกเช่นเดิม

              “การเป็นนักเรียนประจำทำให้เรามีความเชื่อมั่นในตนเองได้พอสมควร ซึ่งมีผลกับงานโดยตรง เพราะเป็นการปลูกฝังตั้งแต่เล็ก ”

              เธอบอกว่า แม้ว่าชีวิตการเป็นนักศึกษา ในรั้ว มหาวิทยาลัยอัชสัมชัญ (ABAC) จันทร์-ศุกร์ เรียน ศุกร์เย็น ก็จะกลับชลบุรี ซึ่งชีวิตส่วนใหญ่จะไปไหนมาไหนกับครอบครัวมาโดยตลอด หลังจากเรียนจบ จึงมามาช่วยกิจการทางบ้าน ก่อนจะพบกับคุณสนธยา คุณปลื้ม.. เขาจะสนิทสนมกับผู้ใหญ่ ชอบคุยกับคุณปู่ “ เข้ามาทางผู้ใหญ่ ” ซึ่งในขณะนั้น ยังเป็น ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ อยู่ด้วย

               “ คุณสนธยา เป็นคนง่ายๆและกันเอง ทำให้เรารู้สึกว่า ตำแหน่งหน้าที่เป็นอีกส่วนหนึ่งเของชีวีตก็เท่านั้นเอง ” สุกุมล หลังจากเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูล ”คุณปลื้ม” ว่า ในฐานะภรรยามองว่า ตระกูลคุณปลื้ม เป็นตระกูล ที่เปรียบเสมือนต้นไม้ใหญ่ ซึ่งพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือและเอื้ออาทรซึ่งกันและกันซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ได้รับการสนับสนุน ในการ ก่อตั้งพรรค พลังชน จนถึงทุกวันนี้

               เธอเล่าถึงประสบการณ์จากตำแหน่งรัฐมนตรี ว่า ก่อนหน้านี้เราจะเป็นผู้ฟังที่ดี  เพราะคุณสนธยา จะเล่าเรื่องการทำงานให้ฟังและมาปรึกษา ก็จะให้คำแนะนำได้บ้าง เราเองในฐานะภรรยา เป็นแม่บ้าน ต้องดูแลลูกถึง 4 คน เพราะลูกยังเล็ก เมื่อฟังก็ซึมซับ จึงมีแบบอย่างที่ดีในการทำงาน

              “ ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม ถือว่าเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญ ที่จะเสริมสร้างเศรษฐกิจได้ คือ เป็นอะไรที่เรามีความถนัด ชอบ และตรงกับใจอยู่แล้ว จึงพยายามศึกษา เพื่อที่จะได้หาแนวทางในการดำเนินงานได้ดี และสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้มากที่สุด”

              คุณเดีย บอกว่า หลังเข้ารับตำแหน่งเจองานใหญ่คือน้ำท่วมใหญ่ทำให้งานหลายอย่างต้องมุ่งไปที่ซ่อมแซมแก้ไข เช่น น้ำท่วมโบราณสถาน ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณบูรณะมากกว่าพันล้านบาท ถือเป็นงานที่ท้าทายพอสมควร

            “ หลังจากที่มาทำหน้าที่รัฐมนตรีเรื่องที่บ้านก็ต้องให้คุณสนธยา เข้ามารับภาระแทน “

              ข้อสำคัญเราต้องแบ่งเวลาดูแลลูก โดย คุณสนธยา ก็จะรับภาระดูแลลูกแทน รับส่งลูก จะไปไหนกับครอบครัว ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า แต่ก็มีบ้างที่ลูกบ่นน้อยใจว่า เห็นแม่ในทีวี เย็นแล้ว ค่ำแล้ว แม่ก็ยังไม่กลับ แต่ส่วนตัวก็ยังให้ความสำคัญในการดูแลลูกมาก เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาสังคมค่อนข้างมาก เราก็พยายามสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวด้วย

             เธอบอกว่าประสบการณ์ในการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรี ปีเศษๆที่ผ่านมา เราตั้งใจและทำเต็มที่กับงาน โดยเฉพาะเรื่องของฮัจย์ทางกรมการศาสนา ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ได้ทุ่มเทแก้ปัญหาพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ฮุจญาจ ได้ประโยชน์มากที่สุด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภารกิจของกระทรวงฯที่ได้สร้างมาตรฐานเพื่อให้ชาวไทยมุสลิมเดินทางไปทำฮัจย์ได้อย่างมั่นใจและสะดวกลงตัวมากที่สุด

              คุณเดีย กล่าวถึงชีวิตส่วนตัวว่า ปรกติจะจะเป็นคนชอบสะสมผ้าไหม ซึ่งเป็นอะไรที่ชอบมานาน และคิดว่าผ้าไทยเป็นผ้าที่มีเสน่ห์ ซื้อเก็บสะสมมานานแล้ว เพราะมองเห็นในความมีคุณค่า ความมีเอกลักษณ์ และเป็นงานที่ต้องอาศัยฝีมือในการทอ  จึงหันมาให้ความสำคัญรณณรงค์ให้ใส่ผ้าไทยกันมากขึ้น

            นอกจากนี้ในช่วงเป็นรัฐมนตรีฯได้พยายามรณรงค์ให้หันมาใช้ผ้าขาวม้า ปลุกกระแสการนำผ้าขาวม้ามาทำผลิตภัณฑ์ ย่าม กระเป๋า และ ที่สำคัญสามารถต่อยอดทางธุรกิจได้ให้กับผู้ประกอบการได้

            เธอบอกถึงความสำเร็จในการผลักดันกระทรวงวัฒนธรรมว่า ในอดีตหลายคนอาจมองว่ากระทรวงวัฒนธรรมเป็นกระทรวงเกรดซี แต่หลังจากที่มานั่งในตำแหน่งเจ้ากระทรวง เธอได้ผลักดันให้งานของกระทรวงวัฒนธรรมได้รับการยอมรับมากขึ้นนั่นคือดรรชนีชี้วัดได้อย่างหนึ่ง

            ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังมองว่าในบทบาทของกระทรวงวัฒนธรรม จะผลักดันให้สามารถส่งเสริมกระทรวงการท่องเที่ยว เพื่อส่งออกวัฒนธรรมไทย สร้างมูลค่าทางด้านเศรษฐกิจ ของประเทศต่อไปในอนาคต.....