อดีตรมว.คลัง แนะท้องถิ่นภูเก็ตคิดนอกกรอบหางบพัฒนาตัวเอง
สำนักข่าวอะลามี่ : ภูเก็ตระดมความคิดเสนอรัฐบาลหาแนวทางขับเคลื่อนจังหวัดอย่างเป็นยระบบ ทังโครงสร้างพื้นฐานและด้านเศรษฐกิจ "สุชาติ ธาราดำรงเวช " อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอให้ท้องถิ่นคิดนอกกรอบเพื่อจัดหางบประมาณมาสนับสนุนอย่ายึดติดงบอุดหนุนรัฐบาลกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 3 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา นายสุชาติ ธาราดำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นางสาวศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคม และ ความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมหารือเรื่อง แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานของจังหวัดภูเก็ต ด้านเศรษฐกิจ และสังคมตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และ เพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในอนาคต เพื่อความยั่งยืน
โดยมี นายไชยวัฒน์ เทพี ปลัดจังหวัดภูเก็ต นายขันตี ศิลปะ นายอำเภอกะทู้ น.ส.ชวนชม จันทะวงษ์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสถาพร ศรชนะ รองผู้อำนวยการแขวงการทางภูเก็ต นายวีระพงษ์ ไวทยะวงศ์กุล ประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ต ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม นอกจากนี้ยังมีนายวิสิษฐ์ ใจอาจ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยภูเก็ต คณะกรรมการโครงการหมู่บ้านและชุมชน (SML) และแกนนำหมู่บ้านต่างๆ เข้าร่วม
ทั้งนี้ได้มีการหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคเพื่อรองรับการเติบโตของการท่องเที่ยว อาทิ โครงการก่อสร้างทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับ 4020 (สี่แยกไทนาน) ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณปี 2555 จำนวน 600 ล้านบาท โครงการทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 กับถนนเยาวราช (สี่แยกโลตัส) งบประมาณ 700 ล้านบาท คาดว่าจะได้งบประมาณในปี 2556 โครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบราง โครงการเจาะอุโมงค์ป่าตอง เป็นต้น การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและกองทุน SML ให้มีความเข้มแข็งและมั่นคง โครงการก่อสร้างที่พักอาศัยเพื่อแก้ปัญหาคนเร่ร่อนในพื้นที่ และโครงการอื่นๆ ซึ่งมีตัวแทนของชุมชนได้เสนอปัญหา เช่น ปัญหาการรับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ โครงการถนนศักดิเดช-สะพานหิน ตัดผ่านป่าชายเลนคลองเกาะผี เป็นต้น
นายสุชาติ กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีโอกาสในการทำรายได้ให้กับประเทศเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีปัญหาในเรื่องการพัฒนา โดยเฉพาะสาธารณูปโภคในการรองรับและอำนวยความสะดวกต่างๆ เพราะยังยึดติดกับแนวคิดการบริหารรูปแบบเดิมๆ ที่จะต้องรองบประมาณจากรัฐบาลกลาง ซึ่งมักมองว่าภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ร่ำรวย จึงได้รับการจัดสรรงบประมาณพัฒนามาให้น้อยเพราะจะต้องนำไปให้จังหวัดยากจนก่อน
ดังนั้นจึงฝากผู้บริหารท้องถิ่นและผู้เกี่ยวข้องให้คิดนอกกรอบ ด้วยการเสนอโครงการที่สามารถจัดหางบประมาณมาทำได้เอง เพราะทราบว่ามีหลายโครงการที่ภาคเอกชนสนใจจะเข้ามาลงทุน โดยเราจะต้องกำหนดรูปแบบให้ชัดเจน ว่าจะเป็นการสัมปทานหรือรูปแบบใด และจะต้องมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ แทนการรองบประมาณจากรัฐบาลกลางซึ่งล่าช้า จากนั้นจึงเสนอขอความเห็นชอบไปยังรัฐบาล หากติดขัดในเรื่องใดให้บอกมาพร้อมที่จะช่วยเหลือผลักดันเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และสามารถที่จะกระจายรายได้ไม่สู่ภาคประชาชนได้อย่างทั่วถึง
" ส่วนเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ที่เป็นปัญหาสามารถจะสะท้อนและปรับปรุงแก้ไขได้รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องมีความเข้มแข็ง นอกจากของบรัฐบาลกลางแล้ว บางโครงการท้องถิ่น ก็ควรจัดสรรงบประมาณร่วมด้วย " นายสุชาติ กล่าว