Food & Healhty
Home   /   Food & Healhty  /   ผ่าทางตันธุรกิจสนามกอล์ฟภูเก็ต

ผ่าทางตันธุรกิจสนามกอล์ฟภูเก็ต ททท.ดันไทยสู่“กอล์ฟฮับเอเชีย”

           สำนักข่าวอะลามี่: สำรวจธุรกิจสนามกอล์ฟภูเก็ต แม้ว่าจะมีการขยายตัวของนักกอล์ฟเพิ่มขึ้น แต่การลงทุนสนามกอล์ฟใหม่ในภูเก็ตค่อนข้างยาก ปัจจัยจากราคาที่ดินสูง อีกทั้งที่ดินผืนใหญ่ไม่มี

            ธุรกิจสนามกอล์ฟภูเก็ต เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ปัจจุบันมีสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความสนใจจากนักเล่นกอล์ฟจำนวนไม่ต่ำกว่า 7 สนาม หากมองแนวโน้มการลงทุนของธุรกิจดังกล่าวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีนักกอล์หน้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่การลงทุนธุรกิจสนามกอล์ฟกลับไม่สามารถขยายได้

สำรวจสนามกอล์ฟภูเก็ต

      สำนักข่าวอะลามี่ สำรวจสนามกอล์ฟหลักๆในจังหวัดภูเก็ต ประกอบด้วย สนามกอล์ฟภูเก็ต คันทรี คลับ มีพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ซึ่งถือเป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกของภูเก็ต หากไม่นับรวมสนามกอล์ฟหาดสุรินทร์ ซึ่งเคยสำหรับตีกอล์ฟของผู้ประกอบธุรกิจเหมืองแร่ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตั้งแต่สมัยโลกครั้งที่ 2 และเมื่อปี 2471    โดยในอดีต รัชกาลที่ 7 เสด็จประพาสภูเก็ตและทรงตีกอล์ฟที่สนามนี้ด้วย ปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยเท่านั้น,

      สนามกอล์ฟ บลู แคนยอน คันทรี คลับ ภายในแบ่งเป็น 2 สนาม คือ Canyon Course และ Lakes Course มีพื้นที่ประมาณ 1,800 ไร่ เป็นสนามที่มีชื่อเสียงอย่างมาก โดยเฉพาะภายหลังจากที่ ไทเกอร์วู๊ด นักกอล์ฟชื่อดังของโลก มาทำการแข่งขันในรายการจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ คลาสสิค เมื่อประมาณ 17-18 ปีที่ผ่านมา,

        สนามกอล์ฟ ล็อคปาล์ม กอล์ฟ คลับ เดิมชื่อ สนามกอล์ฟ เซนจูรี่คันทรี คลับ มีพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ นักกอล์ฟส่วนใหญ่จะเป็นท้องถิ่นและมีต่างชาติบ้าง นอกจากตัวสนามแล้ว ภายในยังมีโครงการบ้านพักตากอากาศและโรงแรมด้วย,

          สนามกอล์ฟ เรดเมาท์เทน กอล์ฟ คลับ มีเนื้อที่ประมาณ 2,500 ไร่ เป็นสนามน้องสร้างติดกับสนามกอล์ฟล็อคปาล์มฯ ซึ่งเป็นผู้บริหารเดียวกัน เน้นกลุ่มลูกค้าไฮเอ็น และชาวต่างชาติเป็นหลัก,

         สนามกอล์ฟ ลากูน่า ภูเก็ต กอล์ฟ คลับ (บันยัน ทรี) เป็นสนามกอล์ฟที่อยู่ภายในอาณาจักรของกลุ่มลากูน่ารีสอร์ท สร้างเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมในเครือซึ่งมีจำนวน 5 โรง,

         สนามกอล์ฟ มิชชั่น ฮิลล์ ภูเก็ต กอล์ฟ คลับ รีสอร์ท แอนด์ สปา มีบางหลุมอยู่ใกล้กับทะเลเป็นสนามกอล์ฟ ซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ พร้อมโรงแรมที่พัก และสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ,และสนามกอล์ฟ ภูนาคากอล์ฟคอร์ส มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ น้องใหม่ล่าสุดเปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นสนามขนาด 9 หลุมเป้าหมายต้องการเป็น ไนท์กอล์ฟ

ดันไทยสู่ฮับกอล์ฟเอเชีย

          นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า สนามกอล์ฟของภูเก็ตที่มีอยู่นั้นล้วนแต่ได้มาตรฐาน ซึ่งแต่ละสนามก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน จึงเป็นที่สนใจของนักเล่นกอล์ฟทั้งจากยุโรปและเอเชีย

         โดยเฉพาะประเทศที่ใช้เวลาเดินทางไม่ไกล เช่น เกาหลี ฮ่องกง จีน เป็นต้น ส่งผลให้ตลาดนักกอล์ฟมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง เหตุเพราะความสะดวกในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งในส่วนของที่พักและการเข้าถึงสนามกอล์ฟต่างๆ ประกอบกับทาง ททท.ได้มีการจัดกิจกรรมโปรโมทสนามกอล์ฟของเมืองไทยมาโดยตลอด 

          ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นกอล์ฟฮับเอเชีย ซึ่งได้มีการเชิญกลุ่มเป้าหมายทั้งนักกอล์ฟ และสื่อมวลชน มาทดสอบสนามต่างๆ เพื่อนำไปโปรโมท ในตลาดเป้าหมายด้วย

           “การลงทุนสนามกอล์ฟใหม่ๆ ในระยะหลังเกิดได้ยาก เนื่องจากที่ดินของภูเก็ตมีราคาแพง และไม่มีแปลงขนาดใหญ่พอที่จะพัฒนาเป็นสนามกอล์ฟ เพราะนอกจากตัวสนามกอล์ฟแล้วก็มักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ร่วมด้วย มีทั้งบ้านพักในสนามกอล์ฟ หรือโรงแรมที่พักและอื่นๆ ทำให้การลงทุนจะมีการขยายตัวการไปยังจังหวัดใกล้เคียงทั้งกระบี่และพังงาแทน รวมถึงการลงทุนด้านที่พักและบริการสุขภาพด้วย “ นางบังอรรัตน์ กล่าว

“คันทรีคลับ”ทุ่ม 70ล.ปรับลุ๊คสนามกอล์ฟ

        ขณะที่ ชาญวุฒิ หงษ์หยก ผู้จัดการทั่วไปสนามกอล์ฟภูเก็ต คันทรี คลับ กล่าวว่า ในส่วนของคันทรีคลับ นับได้ว่าเป็นสนามแรกของภูเก็ต เนื่องจากเป็นการลงทุนในที่ดินของบริษัทเองเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นใช้เงินลงทุนประมาณกว่า 100 ล้านบาทโดยไม่รวมค่าที่ดิน

        สำหรับปัจจุบันการลงทุนสนามกอล์ฟเป็นเรื่องยาก เนื่องจากต้นทุนสูงประมาณการณ์ว่าต่อหนึ่งสนามจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และจะต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่

        เนื่องจากการทำสนามกอล์ฟปัจจุบันไม่ได้มีเฉพาะตัวสนามเท่านั้น แต่จะต้องมีส่วนประกอบอื่นด้วย ซึ่งหากให้ประเมินสถานการณ์ลงทุนสนามกอล์ฟเพิ่มเติมในภูเก็ตนั้นคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากราคาที่ดินสูง ไม่มีที่ดินแปลงใหม่ และต้องใช้เงินลงทุนมาก แต่จะมีการขยายตัวไปยังจังหวัดใกล้เคียงแทน

         “ธุรกิจสนามกอล์ฟภูเก็ตในยุคที่เฟื่องฟูมากๆ หลังจากที่ไทเกอร์วูด มาลงแข่งขันที่สนามกอล์ฟบลูแคนยอน เมื่อประมาณ 17-18 ปีที่ผ่านมา และในแง่ของนักกอล์ฟนั้นยังคงมีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่หวือหวามากนัก “ชาญวุฒิ กล่าวและว่า

       ทั้งนี้ หากมองการแข่งขันในพื้นที่แล้วจะไม่มี เพราะนักกอล์ฟเมื่อมาเล่นกอล์ฟแล้วมักจะไม่เล่นเพียงสนามใดสนามหนึ่งแต่จะหมุนเวียนไปตามสนามต่างๆ โดยคู่แข่งที่น่ากลัวจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า เช่น เวียดนามจีน เป็นต้น ซึ่งมีการลงทุนธุรกิจสนามกอล์ฟมากขึ้น

         นายชาญวุฒิ กล่าวอีกว่า ในส่วนของสนามกอล์ฟภูเก็ตคันทรีคลับ แม้ว่าจะไม่มีการแข่งขันในพื้นที่ แต่เราก็จะต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจและอำนวยความสะดวกให้กับนักเล่นกอล์ฟ ซึ่งปัจจุบันยังคงมีแนวโน้มของการเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มของนักกอล์ฟเยาวชนซึ่งทางสนามฯ ได้เข้าไปให้การสนับสนุนจนมีผลงานถึงระดับชาติ มีอัตราการเติบโตปีละประมาณ 10%

        ในส่วนของการพัฒนาสนามนั้นก็ยังคงมีมาโดยต่อเนื่อง และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการปรับปรุงในส่วนของคลับเฮ้าส์ ใช้เงินลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับกลุ่มนักกอล์ฟ ที่มาใช้บริการ ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรือเอเชีย  

บิ๊กสนามกอล์ภูเก็ตยังไม่ขยับ

             ขณะที่สนามกอล์ฟรายใหญ่ภูเก็ตอย่าง บลูแคนยอน  คันรี ขณะนี้ยังไม่ปรับตัวเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งภายในหุ้นส่วนยังลงตัว อย่างไรก็ตามแหล่งข่าว เปิดเผยว่า แม้ว่าจะไม่มีการขยับตัวในช่วงนี้แต่ผู้บริหารได้วางแผนการลงทุนเอาไว้แล้วระดับหนึ่งเพียงแต่ รอหลังจากคดีความขัดแย้งภายในสิ้นสุด เนื่องจากศักยภาพสนามที่ยังมีที่ดินที่ยังไม่พัฒนาอีกกว่าครึ่ง

          “อสังหาริมทรัพย์ในภุเก็ตยังมีโอกาสเติบโต เพราะภูเก็ต เป็นปลายทางเศรษฐีทั่วโลก ที่ต้องการมาที่นี่ทั้งการลงทุนและการท่องเที่ยว” แหล่งข่าวกล่าวและว่า

          สำหรับธุรกิจสนามกอล์ฟในภูเก็ต ปัจจุบันมีสนามหลักๆอยู่ 6 สนาม คาดว่าจะมีเงินเข้าสู่ธุรกิจสนามกอล์ฟ ไม่น้อยกว่า500-600 ล้านบาท ในจำนวนนี้ไม่รวมถึงกิจกรรมต่อเนื่อง

           “เดี่ยวนี้จะพัฒนาหรือจะลงทุนสนามกอล์ฟไม่ง่าย ราคาที่ดินที่ถูกๆแล้วตกราคาเฉลี่ยไร่ละ3ล้านบาท ต้หากทำสนามกอล์ฟต้องใช้อย่างต่ำ500ไร่ เฉพาราคาที่ดินไม่ต่ำกว่า 1.500 ล้านบาท ในจำนวนนี้ไม่รวมการลงทุนเรื่องสนามกอล์ฟและเครื่องอำนวยความสะดวกอีก ประมาณ500 ล้าน รวมเบ็ดเสร็จเริ่มต้นที่ประมาณ 2พันล้านบาท เรื่องเงินอาจไม่ยาก แต่ติดปัญหาเรื่องที่ดินผืนใหญ่หายากมาก”

          แหล่งข่าวบอกว่า หากเป็นไปได้ต้องขยับไปลงทุนพื้นที่ใกล้เคียง เช่นที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มจากฮ่องกงมาซื้อกิจการสนามกอล์ฟ ขนาด18หลุมซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงคาดว่าอีก1-2ปีจะสามารถเปิดให้บริการได้

           “ก่อนหน้านี้ทราบว่า ตระกูลงานทวี และกลุ่มของน้องชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เองก็สนใจ ที่จะทำสนามกอล์ฟ เช่นกัน”แหล่งข่าวกล่าว